โรค EMS โรค EMS พบทั้งในกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) และกุ้งขาวแวนนาไม (Penaeus vannamei) โดยเกิดโรคภายใน 20 - 30 วันหลังการปล่อยลูกกุ้งลงบ่อ ในช่วงแรกกุ้งในบ่อไม่แสดงอาการผิดปกติอย่างเด่นชัด ไม่มีอาการเกยขอบบ่อ แต่จะเริ่มพบกุ้งตายในยอและตายที่ก้นบ่อ หลังจากนั้นจะพบซากกุ้งลอยขึ้นมา กุ้งทยอยตายและอาจมีการตายสูงถึง 100% ภายในเวลาประมาณ 30 วัน ในบ่อที่มีการตายมากพบกุ้งมีอาการว่ายน้ำเฉื่อย เซื่องซึม กินอาหารลดลง เปลือกนิ่มและมีสีเข้มขึ้น ตับลีบ นิ่ม ซีดหรือสีคล้ำเพราะถูกทำลายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ส่วนใหญ่ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสที่ก่อให้ เกิดโรคในปัจจุบัน นอกจากนั้นตรวจพบแบคทีเรียกลุ่มวิบริโอในตับและตับอ่อนของกุ้งป่วยซึ่งเมื่อศึกษาเนื้อเยื่อตับของกุ้งพบว่าตับและตับอ่อนมีการอักเสบและถูกทำลาย (ภาพ A ตับกุ้งปกติ และ B ตับกุ้งอักเสบถูกทำลาย )
ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ขยายไปในวงกว้างขึ้นและก่อให้เกิดความเสียหายแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง จึงมีข้อแนะนำ ดังนี้
1.ควรมีการเตรียมบ่อที่ดี กำจัดสารอินทรีย์ก้นบ่อและตากบ่อให้แห้ง ฆ่าพาหะและฆ่าเชื้อในบ่อ
2.ควรมีบ่อพักน้ำ และฆ่าเชื้อในน้ำก่อนนำมาใช้เลี้ยงกุ้ง เช่น คลอรีน หรือ ไอโอดีน3.คัดเลือกลูกกุ้งที่มีคุณภาพดีและแข็งแรงลงเลี้ยง ควรผ่านการตรวจสุขภาพทั่วไปและปลอดเชื้อไวรัสที่เป็นอันตราย
4.ไม่ปล่อยกุ้งหนาแน่น หากปล่อยกุ้งหนาแน่นเกินไปจะทำให้ควบคุมและจัดการบ่อได้ยากซึ่งจะทำให้กุ้งเครียด อ่อนแอ และเกิดโรคต่างๆได้ง่าย
5.มีการจัดการอาหารที่ดี ใช้อาหารที่มีคุณภาพ และไม่ควรให้อาหารปริมาณมากเกินไปเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของกุ้ง ซึ่งทำให้อาหารเหลือจมสู่ก้นบ่อ พื้นบ่อเน่า สีน้ำล้ม กุ้งเครียดและอ่อนแอ
6.ควบคุมคุณภาพน้ำให้ดีอยู่เสมอ และไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งดูแลรักษาพื้นบ่อไม่ให้เกิดการเน่าเสีย
7.กรณีเกิดโรคหรือมีอาการน่าสงสัย ควรรีบส่งตัวอย่างกุ้งให้หน่วยงานของกรมประมงตรวจวินิจฉัย เพื่อการป้องกันและแก้ไขได้ทันท่วงที

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น